การแต่งงานถือเป็นเรื่องใหญ่ ต้องเตรียมอะไรหลาย ๆ อย่าง หนึ่งในเรื่องที่ต้องเตรียมก็คือแหวนแต่งงาน วันนี้เราจะพาไปรู้จักวิธีการเลือกแหวนแต่งงานว่าแหวนแต่งงานแบบใดจะเหมาะกับคู่บ่าวสาวแต่ละคู่
จะซื้อแหวนแต่งงาน ต้องเตรียมเงินเท่าไหร่?
ในการซื้อแวนแต่งงานจะมีการประเมินราคาแหวน ซึ่งแหวนประกอบด้วยตัวเรือน เพชรกลางและเพชรข้าง แต่ส่วนที่เป็นมูลค่าหลัก ๆ เลยก็คือเพชรกลาง ซึ่งราคาของเพชร ก็มีปัจจัยหลัก ๆ ที่มีผลกับราคา อยู่ 4 อย่าง ที่หลายๆ คน อาจจะรู้จักในนามของ 4C ซึ่งก็ Carat น้ำหนักเพชร Color สี หรือที่คนไทยชอบเรียกว่า น้ำ Clarity ความสะอาด และ Cutting การเจียระไน
สำหรับแหวนแต่งงานมูลค่าที่นิยมกันมากที่สุด จะอยู่ในราคาตั้งแต่ 40,000 – 100,000 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับลักษณะเพชรที่บ่าวสาวแต่ละคู่ต้องการ ทีนี้ การจะรู้ว่าต้องเตรียมเงินเท่าไหร่เพื่อซื้อแหวนแต่งงานของคุณ ก็ต้องเริ่มต้นจากการตั้งโจทย์จากงบประมาณ หรือน้ำหนักเพชร เพื่อให้พอรู้ขอบเขตคร่าว ๆ ว่าจะตัดสินใจจากอะไรเป็นหลัก ซึ่งการเลือกเพชรให้แหวนเจ้าสาว วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือ ให้กำหนดจากงบประมาณก่อนแล้วค่อยไปดูน้ำหนักเพชร ถ้าเทียบดูแล้ว อยากได้น้ำหนักมากกว่านี้ ก็ค่อยขยับงบขึ้นไปตามต้องการได้ พอได้น้ำหนักเพชรมาแล้ว ก็ค่อยไปดูรายละเอียดเรื่องของน้ำ ความสะอาด และการเจียระไน ซึ่งหากส่วนไหนทำให้ราคาแหวนแต่งงานเกินงบไป เราค่อยมาขยับปรับลดให้เหมาะสมได้ ส่วนแหวนเจ้าบ่าว ปกติจะใช้เพชรขนาดไม่ใหญ่มาก น้ำหนักประมาณ 0.04 – 0.30 กะรัต ราคาก็จะอยู่ที่ 20,000 – 40,000 บาท สามารถคำนวณรวมกับงบแหวนแต่งงานทั้งหมดได้เลย พอเลือกแหวนเจ้าสาวได้แล้ว ค่อยดูงบส่วนที่เหลือว่าแหวนเจ้าบ่าวจะสามารถไปได้ที่เท่าไหร่ และอยากแนะนำให้เจ้าบ่าวได้ลองของจริงด้วย ว่าพอใจกับขนาดเพชรที่ได้หรือเปล่า
ทำไมเพชรน้ำหนักเท่ากัน แต่ละร้านราคาไม่เท่ากัน
สาเหตุที่เพชรน้ำหนักเท่ากัน แต่ราคาแต่ละร้านไม่เท่ากันจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ เรื่องน้ำหนักของเพชร และส่วนประกอบอื่น ๆ ในแหวนเพชร น้ำหนักของเพชรเป็นเพียงหนึ่งปัจจัยที่มีผลกับราคาเพชร แต่อย่างที่บอกไปข้างต้นว่า ยังมีเรื่องของ น้ำ (ความขาว หรือ Color) ความสะอาด (Clarity) และการเจียระไน (Cutting) ที่มีผลกับราคาเพชรด้วย การจะเปรียบเทียบราคาเพชรแต่ละเม็ด จึงต้องอ่านค่าทุก ๆ บรรทัดในใบเซอร์ให้เข้าใจ เพราะเพชรนั้นเป็นแร่ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ จึงไม่มีเม็ดไหนในโลกที่จะเหมือนกันทุกรายละเอียดแบบ 100% และถ้ามองให้ลึกกว่านั้น ปัจจัยเรื่อง Fluorescence, ลักษณะ และตำแหน่งของตำหนินั้นก็มีผลกับราคาเพชรด้วย เช่น เพชรน้ำ 100 แต่ Fluoresence เป็น strong ราคาก็จะตกลงกว่าเพชรน้ำ 100 ที่ค่า Fluoresence เป็น none หรือเพชรที่มีตำหนิเป็นจุดดำ ซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่นิยม ราคาก็ตก ยิ่งถ้าตำหนิอยู่บนหน้าเพชร ราคาก็จะตกกว่าเพชรที่มีตำหนิอยู่บริเวณขอบ หรือก้นเพชร นอกจากนี้ เพชรที่เจียระไนได้เกรด 3 Excellent และเหลี่ยมเพชรที่มี Heart & Arrow ก็อาจเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ร้านแหวนแต่งงาน ขอบวกราคาเพิ่ม เพราะถือเป็นเพชรที่เกรดดีกว่าเม็ดอื่น ๆ ทีนี้มาที่ส่วนประกอบอื่น ๆ ในแหวนเพชร ก็มีผลกับต้นทุนของแหวนแต่งงานด้วยเช่นกัน เริ่มจากราคาทองที่ทางร้านนำมาทำตัวเรือน ทองที่นิยมทั่วไป คือ 18K แต่หากทางร้านใช้ทอง 14K หรือ 9K ที่มีเปอร์เซนต์ทองลดลง ก็จะทำให้ราคาแหวนแต่งงานถูกกว่าร้านอื่น ๆ ได้ ในแหวนแต่งงาน 1 วง จึงมีทั้งราคาเพชร ราคาทอง กำไร และค่าการตลาด ซึ่งอาจจะรวมถึง ค่าเช่าที่ ค่าพนักงาน ค่า service หลังการขายที่ทำให้ลูกค้าต้องจ่ายในราคาที่แพงเกินจำเป็น เช่น บริการปรับไซส์ฟรีตลอดการใช้งาน แต่ความเป็นจริงแล้ว ลูกค้าคนหนึ่ง อาจจะทำไซส์ใหม่แค่ไม่กี่ครั้งในรอบ 10 ปี โดยที่ทางร้านได้นำค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไปคำนวณเรียบร้อยแล้วอยู่ในราคาแหวนนั่นเอง
ตอนไปเลือกแหวนแต่งงาน ควรดูอะไรบ้าง?
เมื่อไปเลือกแหวนแต่งงานมี 3 ส่วนที่เราควรดู ได้แก่ น้ำหนักทอง, ตำหนิเพชร และใบเซอร์ฯ เรื่องของน้ำหนักทอง บ่าวสาวควรจะสอบถามกับทางร้านว่าเค้าใช้ทองกี่ K แล้วเป็นสิ่งที่ตรงกับความต้องการของคุณหรือไม่ บางครั้งร้านคิดว่าลูกค้าไม่ทราบในส่วนนี้ ก็เลือกใช้ทองเปอร์เซนต์ต่ำทำตัวเรือนให้ เพื่อที่ราคาจะได้ถูกกว่าร้านอื่น ๆ แต่หากไม่กล้าถามกับทางร้านตรง ๆ ลูกค้าสามารถตรวจสอบที่ด้านในของแหวน จะพบตัวอักษรที่แสตมป์เปอร์เซนต์ทองเอาไว้เพื่อบอกว่า ตัวเรือนนี้ ใช้ทองกี่เปอร์เซนต์นั่นเอง โดยทั่วไปมาตรฐานที่เราใช้กันจะเป็นทอง 18K สามารถแสตมป์ได้ 2 แบบคือ 18K หรือ 750 เพื่อบ่งบอกว่าในเนื้อโลหะ 1000 ส่วน มีสัดส่วนของทอง 750 ส่วนนั่นเอง นอกจากนี้ทองที่มี % ต่ำลงมาและมีใช้ในตลาดก็เช่น 14K, 10K, 9K ทั้งนี้ ตำหนิถือเป็นสิ่งที่สามารถยอมให้มีในเพชรได้ แต่ต้องเลือกให้ตำแหน่งไม่อยู่ในจุดที่มองเห็นได้ชัดเจน เช่นบริเวณหน้าเพชร เพราะจะมีผลต่อประกายเพชร และมูลค่าเพชรโดยตรง ซึ่งการดูตำหนิในเพชรนั้นต้องอาศัยความเชี่ยวชาญมาก และบางครั้งในใบเซอร์ก็ไม่ได้แสดงตำหนิโดยละเอียด แต่ถือเป็นหน้าที่ของทางร้านเพชร ที่จะต้องตรวจสอบตำแหน่งของตำหนิให้ไม่อยู่ในจุดสำคัญด้วย โดยเฉพาะในเพชรเม็ดใหญ่ ๆ ร้านเพชรที่ดี ก็ควรจะต้องชี้ตำหนิสำคัญ ๆ ให้ลูกค้าได้ทราบ เพื่อเป็นข้อมูลก่อนตัดสินใจว่า ลูกค้าสามารถยอมรับตำหนินั้น ๆ ได้หรือไม่ตั้งแต่ต้น หากเพชรเม็ดนั้นออกใบเซอร์มานานแล้ว เป็นไปได้ว่าอาจเป็นเพชรจากแหวนเก่าที่นำมาเปลี่ยนตัวเรือนใหม่ หรือเป็นแหวนค้างตู้ ผลิตขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว ผ่านการลองสวมใส่ การหยิบใช้แหวนมาแล้วหลายครั้ง จึงมีความเสี่ยงที่แหวนวงนั้นจะตกหล่นขณะลองสวม ซึ่งอาจส่งผลให้คุณภาพเพชรเปลี่ยนไปไม่ตรงกับในใบเซอร์ได้ หากมีเวลา อยากแนะนำให้สั่งทำแหวนแต่งงานวงใหม่ ใช้เพชรใหม่จะดีกว่า จะได้มั่นใจได้ในคุณภาพเพชร และลูกค้าได้สวมใส่เป็นคนแรกและคนเดียวจริง ๆ ไม่ใช่แหวนที่มีคนอื่นลองมามากมายแล้ว
บ่าวสาวที่กำลังจะแต่งงานคงอุ่นใจเรื่องการเลือกซื้อแหวนแต่งงานขึ้นมาแล้ว ในยุคเศรษฐกิจแบบนี้ต้องเลือกทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความรอบคอบมากที่สุด การแต่งงานครั้งหนึ่งต้องหมดเงินไปไม่ใช่น้อย หากเราสามารถเลือกแหวนแต่งงานที่ดี มีคุณภาพ ในระดับราคาที่บ่าวสาวพอใจก็จะช่วยให้ไม่ต้องหมดเงินไปกับเรื่องแหวนแต่งงานมากจนเกินไป